เคยได้ยินมั้ยว่าเวลา เจอผีให้กลั้นหายใจ เหมือนในหนังจีนแน่นอนว่าประโยคนี้ชีวิตจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย และไม่ใกล้เคียงเลยด้วย

เจอผีให้กลั้นหายใจ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับเด็กคนหนึ่งที่เคยดูหนังต่างๆ และมีความจำผิดๆ เอามาทำตาม แทนที่จะสวดมนต์เขากลับเปลี่ยนมากลั้นหายใจ
เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากเด็กชายคนหนึ่งที่อยู่โรงเรียนประจำ ทุกๆ ปิดเทอมเขาก็จะกลับบ้าน ปกติตัวเขาเป็นเด็กที่ชอบแต่ก็กลัวเรื่องผี ข้างบ้านของเขา เพื่อนบ้านเป็นบ้านของยายคนหนึ่งที่อยู่มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กๆ
ในวันที่เขากลับมาที่บ้านโดยพ่อแม่ไปรับกลับมา บ้านของเขาเป็นลักษณะบ้านสองชั้นที่อยู่ติดกันกับเพื่อนบ้านที่ไม่รู้ว่าลูกแกไปทำงานต่างจังหวัดหรือเปล่า
แต่บ้านของยายข้างบ้านแกจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และจะเลี้ยงหมาเอาไว้ เด็กชายคนนี้ที่กลับมาบ้านตัวเองวันแรกก็ออกไปซื้อขนมที่ร้านค้าและสังเกตบ้านของยายคนนี้ว่าปกติที่มีหมาอยู่หลายตัว
ทำไมหมาถึงไม่มีอยู่แล้ว ถึงจะสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้ถามใคร เพราะปกติพ่อของเขาเองก็เคยมีปัญหากับยายข้างบ้านเรื่องที่ยายปล่อยหมามาอึเรี่ยราดบ้านคนอื่น เขามองเข้าไปก็เห็นว่าบนบ้านยายจันทร์ประตูระเบียงยังเปิดอยู่

วันหนึ่งขณะนั่งกินข้าวกับพ่อกับแม่ของตัวเอง พ่อของเด็กชายคนนี้ก็พูดขึ้นมาว่า
“ตั้งแต่ยายจันทร์แกเสียไป มันก็ดีเนอะ เพราะเราก็ไม่ต้องทนกลิ่นขี้หมากับเสียงเห่าละ”
ส่วนคนเป็นแม่ไม่ได้ตอบว่าอะไร ด้วยใจนึงก็นึกสงสารยายคนนี้ที่แก่แล้ว และลูกหลานก็ไม่ได้กลับมาดูแล ผู้เป็นลูกที่กำลังจะถามว่าหมาของข้างบ้านหายไปไหน ก็ได้รู้จากพ่อเล่าว่าหมาที่เลี้ยงของยายคนนี้ถูกเอาไปปล่อยที่อื่น ไม่ก็เอาไปให้บ้านหมาจรจัด ลูกจึงถามขึ้นมาอีกว่า
“แล้วยายแกเสียตั้งแต่เมื่อไร!”
“แกเสียได้สักพักแล้วก่อนลูกจะสอบเสร็จ” ผู้เป็นพ่อตอบ
“เอ้า! แล้ววันนั้นตอนลูกกลับมาจากโรงเรียนวันแรก ตอนเดินไปร้านค้า เดินผ่านข้างบ้าน ประตูบนบ้านยังเปิดอยู่เลยนะ”
“เป็นไปไม่ได้นะ ลูกเห็นตอนไหน” แม่ถาม พ่อกับแม่มองหน้าเด็กชายคนนี้ที่พึ่งจะอยู่ชั้นม.1 – ม.2 ด้วยรู้ว่าลูกอยู่ในวัยที่รู้เรื่องแล้ว แล้วพ่อก็ตอบว่า

“ไม่ใช่รึเปล่า อาจจะมีใครมา”
“ไม่น่าใช่นะ ลูกเขาที่มาจัดการงานศพเสร็จก็กลับกรุงเทพฯ ไปเลย ถ้ามีใครมาเราก็ต้องเห็นใช่มั้ยพ่อ” ผู้เป็นแม่หันไปพูดกับพ่อแบบนั้น
“ไม่มี! อย่าพูดมั่วซั่ว” พ่อก็ตอบมาแค่นั้น
หลังจากกินข้าวเสร็จลูกก็ขึ้นไปชั้นบนและมองดูทางหน้าต่างไปทางบ้านของยายจันทร์ บรรยากาศกลางคืนเงียบ แต่ไม่มีอะไร เห็นแค่ว่าประตูบ้านปิดอยู่ เขาก็ยังนึกสงสัยแล้วทำไมวันแรกประตูเปิด
วันต่อมาช่วงเวลาบ่ายๆ ลูกที่ตากเสื้อผ้าไว้ชั้นบนของบ้าน และฝนกำลังจะตก ลมที่พัดแรงก็พาชุดของเด็กคนนี้ปลิวไปติดอยู่ตรงกรงหมา ที่หน้าบ้านยายจันทร์ เด็กคนนี้เห็นแล้วว่าเป็นเสื้อตัวโปรดที่เขาชอบใส่ไปเที่ยวกับเพื่อน
แต่บังเอิญว่าตอนนั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่ไม่รู้ว่าออกไปไหน เขาที่อยู่บ้านคนเดียวก็คิดว่าตัวเองซวยแล้ว เพราะต้องไปเก็บชุดนั้นด้วยลมแรงกรรโชกฝนก็ใกล้จะตก เขาจึงลงไปชั้นล่างและปีนรั้วบ้านยายจันทร์ เดินย่องเข้าไป แต่ก็เอะใจขึ้นมาว่าแล้วตัวเองจะเดินย่องไปทำไม ในเมื่อบ้านนี้มันไม่มีคนอยู่แล้ว ยายจันทร์ก็เสียไปแล้ว

จังหวะที่เขาจะเอาเสื้อออกจากกรงหมาที่เกี่ยวติด อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของยายจันทร์ตะโกนออกมาจากในบ้านว่า “มึงเข้ามาทำไม!!!!!!!” เด็กชายคนนี้ตกใจเพราะจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของยายจันทร์ที่ตนเคยได้ยินแกออกมาด่าหมากับคนแถวบ้าน และคิดว่าที่จริงมันต้องไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน
เขาหน้าตื่นรีบวิ่งปืนรั้วข้ามกำแพงเข้ามาบ้านของตัวเอง รีบปิดบ้านและมองออกไปดูทางบ้านยายจันทร์ แต่มันไม่มีใคร! เขายังคิดว่าหรือตัวเองหูเพี้ยนไปที่ได้ยินเสียงนั้นเมื่อกี๊ แต่ก็มั่นใจกับตัวเองว่าไม่น่าใช่หูเพี้ยน
กระทั่งพ่อกับแม่กลับมา ตัวเขาก็ไม่กล้าเล่า เพราะกลัวพ่อกับแม่จะดุเอา ด้วยที่จริงเสื้อตัวนึงไม่ต้องไปเก็บก็ได้ แต่มันกลับเป็นตัวโปรดที่เขาจะใส่ไปเที่ยวกับเพื่อน เด็กคนนี้เริ่มรู้สึกหลอน ตกกลางคืนคิดจะขอไปนอนกับพ่อแม่ด้วย เพราะห้องของเขาอยู่ฝั่งบ้านยายจันทร์ แต่ห้องพ่อกับแม่อยู่อีกฝั่ง แต่ตกกลางคืนเขาก็ต้องนอนห้องตัวเองอยู่ดี เพราะไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ด้วยโดนดุมาตั้งแต่บอกว่าเคยเห็นประตูบ้านยายจันทร์เปิด
ระหว่างที่กำลังจะนอนเด็กคนนี้ได้ยินเสียงประตูบ้านยายจันทร์เปิด และด้วยความอยากรู้ เขาจึงค่อยๆ แง้มผ้าม่านออกดู แล้วเขาก็ต้องอึ้ง ตาเหลือก เพราะเห็นภาพของยายจันทร์กำลังอุ้มหมาพุดเดิ้ลตัวสีขาวตัวโปรดของแกอยู่ และทันใดนั้นแกก็หันมามองที่เด็กชายคนนี้ พลึบ!! ด้วยความตกใจเด็กชายจึงรีบปิดม่านลง เขาทนไม่ไหวจึงเดินไปเคาะห้องพ่อกับแม่ขอนอนด้วย ทั้งที่ปกติตนไม่ได้ติดพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ก็ให้นอนด้วย
กระทั่งเช้ามาพ่อกับแม่ถามว่ามีอะไร เขาก็ยังไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ ในวันนั้นเขาก็ใส่เสื้อตัวโปรดตัวนั้นขอพ่อกับแม่ออกไปเที่ยวงานวันเกิดกับเพื่อน พ่อก็เตือนไว้ว่าอย่ากลับเกินเที่ยงคืน บังเอิญเขาเที่ยวกับเพื่อนนั่งดื่มกันจนเพลิน เวลาก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วจึงบอกให้เพื่อนที่เรียนโรงเรียนประจำด้วยกันมาส่ง เพราะรู้ว่าพ่อของเขานั้นดุ และยังบอกเพื่อนว่า

“เดี๋ยวจะอ้างว่ารถเสียแล้วเดินกลับมา เอ็งจอดรถหน้าปากซอย”
จังหวะที่เขาเดินกลับเข้ามาผ่านหน้าบ้านยายจันทร์ เขาได้ยินเสียงกวาดขยะดังอยู่หน้าบ้านยายจันทร์ ในตอนที่กำลังจะเดินผ่านเสียงกวาดเงียบลง เขาหันไปมองก็เห็นยายจันทร์ยืนมองมาที่เขาตาเขียว เหมือนจะเอาเรื่องเป็นสายตาเดียวกันกับที่แกเคยไล่คนที่มาไล่หมาแก
เด็กชายคนนี้ตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ แล้วเขาจึงตัดสินใจกลั้นหายใจในตอนนั้นทันที แล้วจึงพยายามหันหน้ากลับ ไม่ได้วิ่ง แต่พยายามเดินไปที่บ้านของตัวเอง เสียงกวาดขยะก็ยังคงดังอยู่ จนเขาเดินพ้นเข้าบ้านจึงผ่อนลมหายใจออกมา และคิดว่าไม่ไหวแล้วต้องบอกพ่อกับแม่
ตอนที่เข้าไปในบ้านก็เจอพ่อที่กำลังรออยู่ จึงโดนดุไป และพ่อถามว่า
“ทำไม เป็นอะไร ทำไมเหงื่อออก” เขาจึงตัดสินใจเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง กระทั่งพ่อแม่ใจเย็นลงก็เล่าว่าพวกตนเคยเจอเช่นกัน และยังบอกอีกว่า
“ยายจันทร์แกเป็นคนอย่างนั้นแหละ เป็นคนห่วงบ้านห่วงช่อง ถ้าไม่กลับดึกก็คงจะไม่เจอใช่มั้ย!?”
“ไม่นะพ่อ ก่อนหน้านี้ลมพัดเสื้อไปติดบ้านยายจันทร์ ผมก็เข้าไปเอาได้ยินเสียงแกตะโกนออกมาจากในบ้านอะว่ามึงเข้ามาทำไม มันทำไมอะพ่อ”
“แล้วมึงเข้าไปเก็บในบ้านเขาทำไม ไอบ้ามันก็ยิ่งทำให้เขาโกรธดิวะ!” พ่อก็โวยวายคล้ายรู้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ลูกเล่าว่าเห็นประตูระเบียงบ้านยายจันทร์เปิดตั้งแต่วันแรกที่กลับมา
หรือสามารถเข้ารับชมวีดีโอเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หรือสามารถชมเรื่องราวความหลอนอื่นๆได้ ที่นี่
#ผีจีน #เรื่องราวความหลอน #เรื่องหลอนในโรงเรียน
ขอขอบคุณภาพจาก
- www.thehouse.online
- f.ptcdn.info
- www.thigame.com
- movie.mthai.com
- www.arsomsiam.com
- 1.bp.blogspot.com