สถานปฏิบัติธรรมมีดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว เฝ้าคอยขอส่วนบุญจาก ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งวิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณที่ไม่มีญาติอุทิศส่วนบุญไปให้เลย

ผู้ที่ปฏิบัติธรรม หลายคนมีจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติที่แตกต่างกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่มาปฏิบัติธรรมในสถานที่แห่งหนึ่ง ด้วยอกหักเธอจึงเลือกมาปฏิบัติธรรมในวัดป่าที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็มีคนมาปฏิบัติธรรมกันค่อนข้างเยอะ ตัวเธอเองที่พึ่งจะอกหักก็คิดแค่ว่าต้องหาที่พึ่งทางใจคือที่วัดนี่แหละ
คืนแรกเธอไม่รู้จักกับใคร ได้แต่ปรึกษาแม่ชีที่จะมาปฏิบัติธรรม จึงรู้มาว่าปกติเขาจะมาปฏิบัติธรรมกันเป็นชุดๆ ชุดแรกกลับไปแล้ว 10 คน ชุดที่ 2 มาแค่ประมาณ 4 คน ซึ่งเป็นจำนวนน้อยและแน่นอนว่าบรรยากาศมันจะเงียบกว่า แต่เธอไม่มีทางเลือก
จึงเอาแบบไหนก็ได้เพื่อให้ใจปลงได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ในระหว่างที่เธอกำลังศึกษาการปฏิบัติธรรม โดยรู้ว่าแต่ละคนก็มีที่มาที่ไปต่างกัน ตอนนั้นเธอก็มีโอกาสได้เล่าให้เพื่อนผู้หญิงด้วยกันฟัง โดยคนที่มาปฏิบัติธรรมทั้งหมดเป็นผู้หญิง

กระทั่งถึงช่วงหนึ่งของการปฏิบัติธรรมมีการทำกิจกรรมให้ไปนั่งสมาธิในป่าช้า ทั้งหมด 4 คน ก็แยกกันไปนั่งสมาธิ โดยพระบอกไว้ก่อนแล้วว่า
“ไหวแค่ไหน เอาแค่นั้น ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้วก็ให้ลุกขึ้น ลุกออกมาเลย ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องนั่ง”
ตอนที่ต้องไปนั่งเป็นช่วงเวลาเย็น ก็ท่องยุบหนอ พองหนอไปต่างๆ นาๆ ระหว่างที่กำลังนั่งไป อยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเหยียบใบไม้ แล้วเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ เธอเข้าใจว่าคงจะเป็นเพื่อนที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
แล้วเสียงนั้นที่เดินมาก็นั่งอยู่ข้างหลัง เธอก็ไม่ได้อะไร ตั้งจิตอธิษฐานต่อไปตามที่พระบอก นั่งต่อไปเรื่อยๆ เธอก็แปลกใจว่าปกตินั่งสมาธิต้องกระจายกันไปนั่ง แล้วพอสิ้นเสียงที่เดินมานั่งหลังเธอแล้วกลับเงียบไปเลย เหมือนไม่มีใครมานั่งอยู่ด้วย เธอคิดแล้วเริ่มจะเสียสมาธิ

สุดท้ายเธอลืมตาขึ้นมา หันหลังกลับไปดูปรากฏว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งขาว ห่มขาวเหมือนกัน แต่ไม่ใช่หนึ่งในกลุ่ม 4 คนที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน เธอจึงคิดว่าเขาคงจะมาใหม่
แล้วอยู่ๆ ผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมายิ้ม เธอจึงทักทายไปว่า
“หวัดดีค่ะ” แต่ผู้หญิงปริศนาคนนั้นไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอจึงถามต่อว่า
“มาปฏิบัติธรรมเหมือนกันเหรอคะ พึ่งมาเหรอ” แล้วผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร ในตอนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินกลับไปที่พัก อยู่ๆ ผู้หญิงปริศนาก็พึ่งจะพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่า
“มันไม่ง่ายหรอก ถ้าจะมาปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นจากเรื่องความนักน่ะ รู้มั้ยว่ามีคนตายจากเรื่องความรักเท่าไร” เธอที่ได้ฟังก็หันไปมองคิดว่าทำไมพูดมีเลศนัย น่าฟัง เธอจึงนั่งคุยกับผู้หญิงปริศนาคนนั้นเล่าว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เธอจะมาปฏิบัติธรรม
ระหว่างที่นั่งคุยกับผู้หญิงปริศนาที่ยังไม่ได้ถามไถ่ชื่อกันคนนี้ ก็เหมือนจะเข้าใจกันดี พร้อมกับเขาบอกและสอนเธอ เธอจึงถามว่า
“แล้วเนี่ยพี่ทำไมมาปฏิบัติธรรมที่นี่ละคะ เจอเรื่องราวอะไรมา” แต่คราวนี้ผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็ไม่ได้ตอบคำถามอีก นั่งคุยไปได้สักพัก เธอจึงบอกว่า
“ขอตัวก่อนนะคะ จะกลับไปที่พักเข้าห้องน้ำ”

พอกลับไปที่พัก ก็เจอเพื่อนอีก 3 คน นั่งคุยเรื่องกิจกรรมที่กำลังจะทำต่อในวันพรุ่งนี้แล้วจะได้กราบเรียนพระท่าน เธอก็สงสัยว่าทำไมผู้หญิงปริศนาอีกคนยังไม่ตามมา เธอจึงเข้าไปถามว่า “แล้วเมื่อกี๊พวกพี่ เจอพี่ผู้หญิงอีกคนที่มาปฏิบัติธรรมด้วยรึเปล่าคะ”
“ใครเหรอคะ”
“พี่ผู้หญิงคนเมื่อกี๊ไงคะ”
“ไม่นะ ยังไม่มีใครมาเพิ่ม มาใหม่นะ ถ้ามีใครมาเพิ่มมาใหม่ก็ต้องมาพักที่เดียวกับพวกเรา แต่เนี๊ยเมื่อกี๊ยังไม่มีใครมานะ” หนึ่งในกลุ่มพี่ผู้หญิงที่ปฏิบัติธรรมตอบ เธอถึงกับเหวอและบอกว่า
“ไม่มีใครมาได้ไง เมื่อกี๊หนูยังคุยกับเขาอยู่เลย เขาเป็นผู้หญิงหน้าตาดีเลยแหละ เขามานั่งปฏิบัติธรรมอยู่ข้างหลังหนูเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้ามีพวกพี่ต้องรู้ ถ้ามาวันนี้ต้องรู้” แล้วหนึ่งในสี่คนผู้ปฏิบัติธรรมที่เป็นเหมือนหัวหน้าดูแล ก็พูดว่า
“ถ้าเกิดมีน้องใหม่มาหรือใครตามมา พี่ต้องได้รับการแจ้งก่อน นี่ไม่มีนะ” เธอได้ฟังที่พวกพี่เขาตอบก็เหวอและงง จึงเดินกลับเข้าไปในป่าช้าที่พึ่งจะนั่งสมาธิมา เพื่อไปดูปรากฏว่าไม่มีใคร เพื่อนอีกสามคนที่ปฏิบัติธรรมกลุ่มเดียวกับเธอเดินตามมาด้วย เธอจึงบอกว่า
“เนี่ย หนูนั่งคุยกับเขาตรงนี้เลย นั่งขัดสมาธิแล้วเราก็นั่งคุยกันตรงนี้เลยพี่” เธอบอกกับคนอื่นๆ โดยบริเวณตรงนั้นส่วนใหญ่เป็นโกณที่ใส่กระดูก จากนั้นก็ถกเถียงกับพวกพี่ๆ บอกว่า
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่เห็นมันไม่ใช่ผีที่พึ่งจะคุยกับเมื่อกี๊ เขาก็มีเนื้อหนังมังสาดูเห็นได้ชัดเลย”
“แน่ใจมั้ยว่าใช่” พวกพี่เขาก็ถามย้ำ และบอกต่อว่า
“ที่นี่อะเรามาปฏิบัติธรรม เรื่องแปลกๆ มันต้องเกิดขึ้นกับตัวเราอยู่แล้ว
น้องรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะ หนูรู้ดีเลย แต่เมื่อกี๊ยังไงก็คือคนค่ะพี่” เธอตอบก่อนจะค่อยๆ เดินกลับไปพร้อมกับพี่ๆ อีก 3 คน จังหวะนั้นเธอหันกลับมามองโกณๆ หนึ่งที่ใส่กระดูกคล้ายมีอะไรมาดลใจ แล้วเธอก็ต้องถึงบางอ้อ พวกพี่เขาก็บอกแค่ว่า
“กลับที่พักเถอะ เดี๋ยวค่อยเล่าให้พระอาจารย์ฟัง ถ้าที่น้องพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง พยายามทำบุญเยอะๆ อาจจะทำถูกแล้วละที่มาปฏิบัติธรรม” เธอฟังรุ่นพี่บอกแต่ยังช็อกกับสิ่งที่ตัวเองพึ่งเจอ แต่ด้วยมาปฏิบัติธรรมจึงตั้งจิตกับเรื่องแบบนี้ไว้แล้ว เธอนึกถึงคำพูดที่ทำให้เธอนิ่งได้คือ คำพูดของวิญญาณผู้หญิงที่เจอบอกกับเธอว่า
…มันคงไม่ง่ายหรอก ถ้าจะมาปฏิบัติธรรมจริงๆ ให้หลุดพ้น…
หรือสามารถเข้ารับชมวีดีโอเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หรือสามารถชมเรื่องราวความหลอนอื่นๆได้ ที่นี่
#วิญญาณในสถานปฏิบัติธรรม #ผีผู้หญิงชุดขาว #วิญญาณรอรับส่วนบุญ #ผีไม่มีญาติ
ขอขอบคุณภาพจาก
- image.tnews.co.th
- siamrath.co.th
- www.77kaoded.com
- hilight.kapook.com
- www.thehouse.online
- img.painaidii.com