มีหลายคนชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวตามภูเขาและน้ำตก แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่ายังมีความหลอน อาถรรพ์ในน้ำตก นั้นมากมาย

อาถรรพ์ในน้ำตก เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นจากการนัดหมายกันภายในแก๊งเพื่อน 4 คน โก้ เอก บาส และตั้ม โดยตกลงกันว่าจะไปตั้งแคมป์ในป่า ช่วงปีใหม่ แต่พอใกล้เดินทางจริง กลับเหลือไปได้จริงแค่เพียง 3 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการพูดคุยเรื่องจุดตั้งแคมป์ก็ได้จุดที่ต้องการแล้วเรียบร้อย
วันเดินทางจริง โก้ที่ไม่ได้ไปด้วยก็โทรศัพท์มาบอกว่า
“พวกมึงเดินทางกันดีๆ ไอที่จะไปตั้งแคมป์กันน่ะ ติดกับน้ำตกและมันมีคนตายทุกปี และกูรู้มาว่าปีนี้ยังไม่มีคนตาย” เพื่อนคนนึงในกลุ่มก็เลยพูดขึ้นมาว่า
“แม่งพูดเป็นลางละ” แต่ทุกคนก็ออกเดินทางต่อ พอถึงอุทยานก็รับฟังกฏกติกาต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ บาสเป็นคนที่สังเกตเห็นว่าหน้าของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานนั้นมีลักษณะแปลกๆ เหมือนต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้บอก
เมื่อทั้งแก๊งเดินทางมาถึงที่พักก็เป็นช่วงเย็นประมาณ 4 – 5 โมง บรรยากาศก็เริ่มมืด ทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปตั้งแคมป์ กางเต๊นท์ เตรียมข้าวของ เพราะกลัวว่าจะค่ำมืดไปเสียก่อน และตามแพลนพรุ่งนี้เช้าทั้งแก๊งถึงจะเริ่มออกเดินป่ากันในพื้นที่ๆ เจ้าหน้าที่อุทยานกำหนด แล้วทั้งแก๊งสังเกตเห็นว่าจุดนี้ซึ่งเป็นจุดติดท็อปของประเทศไทย

ในช่วงเวลาปีใหม่แบบนี้ แต่กลับไม่มีคนอื่นๆ เข้ามาพักเลย มันแปลกๆ เพราะควรจะมีกลุ่มคนอื่นที่ขึ้นมากางเต็นท์ดูดาว เที่ยวป่า แต่บรรยากาศกลับเงียบ และพบว่ามียังร่องรอยของคนที่มากางเต็นท์อยู่ มีเชือกต่างๆ ทั้งหมดก็ไม่แน่ใจว่าเป็นร่องรอยใหม่ของคนที่พึ่งกลับไปหรือไม่
ตกกลางคืนทุกคนก่อไฟ เตรียมจะเข้านอนเต๊นท์ที่กาง ช่วงเวลาประมาณเกือบๆ จะ 3 ทุ่ม โก้ ก็วิดีโอคอลเข้ามาอีกครั้งและถามว่า “เป็นไงบ้าง” แล้วก็ชวนคุยต่างๆ เพื่อนในแก๊งคนอื่นๆ ก็แซวว่าโก้พลาดละที่ไม่ได้มา เพราะบรรยากาศแบบนี้หาได้ยาก เป็นบรรยากาศติดริมน้ำขนาดใหญ่ตรงตีนเขา และได้นั่งดื่มด้วยกันกับเพื่อน เมื่อวางสาย พอนั่งกันมาได้เรื่อยๆ สักพัก ตั้ม ก็เป็นคนทักขึ้นมาคนแรกว่า
“มันแปลกๆ นะ ทำไมมันไม่มีคนมาเลย”
“ถ้าตรงนี้มีแค่เราจริงๆ ก็หลอนเลย เพราะป่านี้ตั้งกว้าง ตรงนี้มันมีแค่เราจริงๆวะ” เอกพูดตอบ ทั้งแก๊งจึงเริ่มรู้สึกหวั่นๆ เพราะว่าป่าแห่งนี้ปกติจะมีรีวิวจากคนมาเยอะแยะมากมาย อย่างที่เราพึ่งเห็นร่องรอยของการกางเต๊นท์ จากนั้นบาสก็ขอตัวลุกขึ้นไปฉี่ ตรงต้นไม้ข้างริมน้ำ

แล้วบาสก็เห็นเสื้อชูชีพลอยน้ำมา ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหน ลอยมาพร้อมกับไม้พายมาติดอยู่ตรงที่บาสยืนฉี่ บาสที่สงสัยว่ามันลอยมาจากไหนก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อชูชีพตัวนั้นขึ้นมา ปรากฏว่ามันไม่ใช่เสื้อชูชีพ แต่กลายเป็นติดคนตัวเขียวปึ๊ดขึ้นมาด้วย ลักษณะเหมือนคนนี้จมน้ำมานานแล้ว บาสถึงกับตกใจหงายหลัง แล้วรีบวิ่งไปตามเอกกับตั้ม
“แม่ง กูเจอคนจมน้ำวะเออ คนจมน้ำลอยมาติดตรงนี้ รีบไปดูและแจ้งเจ้าหน้าที่เร็วๆ!!” ทุกคนก็วิ่งกันไปดูจุดที่บาสบอกว่าเจอศพอีกครั้ง แต่กลับไม่พบเจออะไร ตั้มกับเอกก็โวยวายว่าบาสเล่นอะไร แต่บาสปฏิเสธบอกว่า
“เบียร์กูพึ่งกินไปแค่ 2 กระป๋อง เมาเหี้ยอะไร มึงดูหน้ากูดิ หน้ากูซีดขนาดนี้ ทำเป็นเล่นเหรอ” แต่เอกก็ยังดูไม่เชื่อ ทั้ง 3 คนเริ่มขวัญเสียจากบรรยากาศที่เงียบ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เจอคืออะไรกันแน่ จึงตัดสินใจรีบเข้านอนกัน บาสในตอนนั้นก็ยังคิดอยู่ว่ามันคืออะไร เพราะส่วนตัวแล้วจำได้แม่นว่าศพนั้นเป็นผู้ชาย เสร็จแล้วทั้ง 3 คนก็เข้าไปยังเต๊นท์ที่นอนรวมกัน โดยเอกกับตั้มนอนริม บาสเป็นคนที่นอนตรงกลาง

ต่อมาช่วงเวลาตี 2 เอกกับตั้มหลับกันไปหมดแล้ว เหลือแค่บาสที่ยังนอนไม่หลับ เพราะขวัญเสียจากที่เจอศพนั้น บาสก็พอจะรู้แล้วว่าที่กลับไปไม่เจอศพสิ่งนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร บาสนอนผวาอยู่เช่นนั้น กระทั่งได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้เต๊นท์ บาสตกใจลุกขึ้นนั่ง
เพราะคิดว่าอาจเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาเดินตรวจ บาสกำลังจะแง้มเต๊นท์ออกดูว่าเสียงนั้นคือใคร แต่แอบเอ๊ะใจว่าคืออะไร ยังไม่กล้าเปิดดู แล้วเสียงเดินก็มาหยุดอยู่หน้าเต๊นท์ บาสที่กำลังจะเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ อยู่ๆ โก้ก็โทรเข้ามาอีกในตอนนั้นพอดี พอรับสาย โก้พูดว่า
“บาส พวกมึงหลับกันหมดยัง กูพึ่งจะดูข่าว พึ่งรู้ว่าก่อนวันที่พวกมึงไป มันมีคนจมน้ำตายเว้ย ตรงจุดที่พวกมึงไปอะแหละ” บาสอึ้งและเงียบ เพราะตัวเองก็พึ่งเจอมาเมื่อตอนค่ำ
บาสได้แต่คิดว่ามันคืออะไร ปลายสายโก้ก็เรียกบาส “ฮัลโหล ๆ” จากนั้นร่างปริศนานอกเต็นท์ก็เริ่มเดินวนๆ รอบเต๊นท์ บาสก็ล้มตัวลงนอนและสะกิดตั้มกับเอกแต่ไม่มีใครตื่น บาสจึงตัดสินใจข่มตานอนให้ได้มากที่สุด ทั้งที่ตัวเขาเองก็กลัวมาก แล้วเสียงนั้นก็หายไป แต่เงากลับหยุดอยู่ตรงประตูเต๊นท์ แล้วซิปก็ถูกแหวกเปิดออกมา

บาสที่ยังไม่หลับแงนหน้ามองว่าเป็นใคร สรุปว่าบาสเห็นชายคนเดียวกับที่เขาเจอเป็นศพเมื่อช่วงหัวค่ำ!! เขายังมาในสภาพที่ใส่ชูชีะ ตัวเปียกน้ำ ตัวเขียว บาสตะโกนร้องลั่นทั้งเต็นท์
สุดท้ายบาสพบว่าตัวเองแค่ฝันไป แต่พอตื่นมาดูนาฬิกาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฝัน คือช่วงเวลาประมาณตี 2 กว่าๆ พอบาสเปิดโทรศัพท์ก็พบว่าโก้ทั้งโทรศัพท์และไลน์มาบอกข่าวว่ามีคนจมน้ำก่อนที่ทั้งแก๊งจะเดินทางมา บาสก็อึ้งอีกรอบว่านี่คือเรื่องจริง และงงว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ แล้วที่ฝันเห็นคือโดนเล่นแล้วใช่หรือไม่
บาสตัดสินใจปลุกตั้มกับเอกให้ลุกขึ้นไปฉี่เป็นเพื่อนและออกไปสูบบุหรี่ด้วยกัน แล้วบาสก็เล่าให้เพื่อนอีกสองคนฟังถึงเรื่องทั้งหมด เพื่อนก็ช็อกและเริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีคนเข้ามาพักในวันนี้ แต่ก็ไม่ทราบได้ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เริ่มงงและสับสน เอกบอกว่า
“พรุ่งนี้เช้าเมื่อไร กลับเลย ไม่ต้องเดินป่าละเสียบรรยากาศแล้ววะ”
“รอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนมั้ย” ตั้มพูด บาสจึงชี้ให้เพื่อนดูจุดที่ตัวเองฝันว่าเจอศพผู้ชายจมน้ำ ตอนที่กำลังชี้ให้เพื่อนดูก็มีร่างผู้ชายยืนมองกลับมาจริงๆ ทุกคนถึงกับร้อง “เฮย!!!” ขึ้นมาพร้อมกัน ชายคนนั้นยืนอยู่จริงๆ ในสภาพเปียกน้ำ ลูกกระตาเหลือกมองไม่เห็น เขาสวมใส่ชูชีพตัวสีส้มแบบตัวในฝัน
ทั้งหมดวิ่งกรูกลับเข้าเต็นท์และปิดเต็นท์ ตัดสินใจโทรหาโก้ว่าให้โก้ทำอย่างไรก็ได้ เพราะอยากกลับบ้านและไม่อยากอยู่กันแล้ว ซึ่งในเวลานั้นหากจะวิ่งกรูออกไปจากป่าแน่นอนว่าต้องหลงทางแน่ๆ เพราะจุดที่กางเต็นท์ไม่ได้ใกล้กับจุดที่ตั้งกรมอุทยาน

ทุกคนจึงต่างพากันสวดมนต์ไหว้พระมั่วกันไปหมด เพราะยิ่งทราบข่าวก็ยิ่งขวัญเสีย และในข่าวแม้ศพจะใส่เสื้อชูชีพ แต่เสื้อกลับไปติดอยู่ใต้โขดหินและออกมาไม่ได้ แม้ในภาพข่าวจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ทุกคนมั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน เพราะว่าใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าไม่ได้สวมใส่เช่นกัน ผ่านไปสักพักมีเสียงจากด้านนอกพูดว่า
“เปิดเต๊นท์หน่อย ช่วยเปิดเต๊นท์ให้ผมหน่อย ผมอยากกลับบ้าน เปิดเต๊นท์ให้ผมหน่อย”
ตอนนั้นทุกคนรู้แล้วว่าคงไม่ใช่เสียงของเจ้าหน้าที่หรือใครทั้งนั้น คงเป็นเสียงของคนที่ตายมาขอความช่วยเหลือ เพราะอาจไม่ทราบว่าตัวเองตายไปแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันเอามือปิดเต๊นท์เอาไว้ เพราะกลัวชายคนนั้นจะเข้ามา เสียงนั้นยังพูดวนพร้อมเดินรอบเต็นท์โดยเขาพูดวนอยู่หลายสิบประโยคว่า “ช่วยด้วยๆ ผมหนาวมาก ผมจมน้ำ ช่วยด้วยๆ”

กระทั่งเช้าเกือบจะ 7 โมง ยังไม่มีใครได้นอน ทุกคนตัดสินใจออกมาเก็บเต๊นท์และข้าวของเพื่อจะรีบกลับ และยังไปต่อว่าเจ้าหน้าที่อุทยานว่าคุณรู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่ทำไมไม่บอก รู้มั้ยว่าพวกผมเจอเรื่องอะไร ทางเจ้าหน้าที่ก็ขอโทษและบอกให้ใจเย็นๆ เขาอธิบายว่า เพราะเรื่องมันพึ่งเกิดไม่นานและเห็นว่าทุกคนเดินทางมากันไกล ตอนนี้เรือที่เปิดให้เช่าก็ปิดไปแล้ว อีกอย่างพวกคุณก็มาเดินป่าไม่ได้จะล่องแก่งก็เลยอนุญาตให้เข้ามา และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดจากคนกลาง
หรือสามารถเข้ารับชมวีดีโอเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หรือสามารถชมเรื่องราวความหลอนอื่นๆได้ ที่นี่
#อาถรรพ์เป็นศพในน้ำตก #ความหลอนกลางป่า #ความน่ากลัวจากสิ่งที่มองไม่เห็น
ขอขอบคุณภาพจาก
- www.khaoyaitravel.com
- static.thairath.co.th
- www.me-fi.com
- www.chillpainai.com
- www.setiusa.net
- i.ytimg.com